อีโค่แคล ช่วยให้ขั้วเหนียว ดอกดก ผลไม่แตก
เพิ่มขนาด ใช้ได้กับพืชทุกชนิดที่จะบำรุงผล ให้ขั้วเหนียว

ขนาด 1 ลิตร ราคา 189 บาท


แคลเซียมโบรอน (Calcium Boron) เป็นธาตุอาหารรองที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชในทุกช่วงการเจริญเติบโต โดยมีประโยชน์หลักในแต่ละช่วงดังนี้:
1. ช่วงงอกและพัฒนาราก
แคลเซียม: ช่วยส่งเสริมการพัฒนาราก ทำให้รากแข็งแรงและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
โบรอน: ช่วยเพิ่มความสามารถในการแบ่งเซลล์ ทำให้การเจริญเติบโตในส่วนรากเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วงเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ
แคลเซียม: เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์พืช ลดโอกาสเกิดโรคและแมลง
โบรอน: ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อและการลำเลียงน้ำตาลและสารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ
3. ช่วงสร้างดอกและติดผล
แคลเซียม: ช่วยพัฒนาคุณภาพของดอก ลดการหลุดร่วงของดอก
โบรอน: ช่วยเพิ่มอัตราการผสมเกสร ส่งผลให้การติดผลดีขึ้น
4. ช่วงพัฒนาผลและเมล็ด
แคลเซียม: ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อผล ทำให้ผลแข็งแรง ไม่แตกง่าย
โบรอน: ช่วยเพิ่มการพัฒนาของเมล็ด ทำให้เมล็ดสมบูรณ์และคุณภาพดี
5. ช่วยเพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อม
การทำงานร่วมกันของแคลเซียมและโบรอนช่วยเพิ่มความแข็งแรงของพืช ทำให้ทนต่อความแห้งแล้ง โรค และแมลงได้ดียิ่งขึ้น


อีโค่แคล ตัวช่วยเพิ่มผลผลิตป้องกันโรคเสริมขั้วเหนียวติดผลง่ายเพราะแคลเซี่ยมทำงานร่วมกับโบรอนทำให้ผนังเซลล์แข็งแรงเกษตรกรมืออาชีพหลายคนนิยมใช้อีโค่แคลใช้งานง่าย ผสมอีโคแคลในน้ำ 1000 ลิตรฉีดพ่นบริเวณใบเป็นเกรดเข้มข้นได้รับทะเบียนถูกต้องจากกรมวิชาการเกษตรเราคิดค้นและพัฒนาสูตรมาแล้วอย่างดีโดยเฉพาะอัตราที่เหมาะสมสี่ต่อหนึ่งคือโบรอน 1% จะช่วยการทำงานของแคลเซี่ยม 4% ทำไมต้องสี่ 4:1แล้วถ้าเราใช้แคลเซี่ยมที่มากกว่า4ก่อนอื่นเลยแคลเซี่ยมและโบรอนจะทำงานร่วมกัน เพื่อไม่ให้ตัวเองมีประจุจึงจะสามารถเข้าทางปากใบได้เปรียบเหมือนรถบรรทุกจะผ่านด่านถ้ามีแคลเซี่ยมอย่างเดียวก็ไม่สามารถเข้าพื้นได้หรือมีโบรอนอย่างเดียวก็เข้าไปไม่ได้แต่ถ้ามีทั้งแคลเซี่ยมและโบรอนก็สามารถเข้าปากใบได้หรือผ่านด่านได้เลยถ้ามีแคลเซี่ยมโบรอนเยอะกว่า 4:1 แคลเซี่ยมตัวนี้ก็จะเป็นแคลเซี่ยมที่ประจุรอยและเมื่อฉีดพ่นบนใบที่มีประจุลบแคลเซี่ยมมีประจุเป็นบวกก็จะเกาะกันแล้วทำปฏิกิริยากับออกซิเจนกลายเป็นผลึกอยู่ที่ใบ


 

          

ผลึกของแคลเซียมที่เกาะบริเวณใบ


นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมีแคลเซียมแค่สี่และโบรอนหนึ่งเพราะมันจะรวมตัวกันกลายเป็นอนุภาค ที่ไม่มีประจุทำให้ไม่เป็นผลึกอยู่ที่ใบแล้วเป็นผลึกจะเกิดอะไรขึ้นรู้ค่ะผลึกพวกนั้นจะไปผิดปากไปทำให้พืชคลายน้ำไม่ได้พืชจะไม่สามารถดึงอาหารไปสู่ใบได้ผลึกนี้เป็นของแข็งที่ดูความร้อนได้ดีมากเมื่ออากาศร้อนจะดูดความร้อนเข้ามาทำให้ใบเหี่ยวมากกว่าปกติ สุดท้ายพืชจะชะงักการเจริญเติบโตอีโคแคลให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับเกษตรกรแน่นอนเกษตรกรที่มีโอกาสได้ใช้อีโค่แคลลองเปิดใจดู